วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

ตำนาน บ้านหนองมน

สมัยเด็กๆ ตอนเรียนหนังสือชั้นประถม จำได้ว่าคุณครูให้แต่งเรื่องราวตามจินตนาการประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับชื่อสถานที่ต่าง ๆ เช่นบางแสน แหลมแท่น อ่างศิลา เขาสามมุข แล้วนำมาเล่าหน้าชั้นเรียนเป็นที่สนุกสนาน ชื่อ "หนองมน"ก็เป็นสถานที่หนึ่งที่ถูกแต่งขึ้นมา เล่ากันไปเล่ากันมา ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่พูดกันจนเป็นประวัติศาสตร์ จนไม่รู้ว่าเรื่องราวต่าง ๆที่เขียนขึ้นมาในเว็บมีข้อเท็จจริงเพียงใด(เสริช์คำว่าหนองมนมีเว็บแสดงเกี่ยวกับประวัติหนองมนมากมายหลายหัวข้อ) เรื่องมีอยู่ว่า .....ในสมัยโบราณ ได้เคยมีพระธุดงค์ รูปหนึ่ง ธุดงค์ผ่านมาพักปักกลดยังหมู่บ้านหนองมน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น บังเอิญล้มป่วยเจ็บไข้กันเป็นจำนวนมาก บางคนสิ้นใจ ตายไป ไม่ว่าจะใช้หมอ แลหยูกยามากมายสักเพียงใด ชาวบ้านจึงชักชวนกันไปขอให้พระธุดงค์ช่วยรักษาอาการเจ็บไข้ดังกล่าว พระธุดงค์รูปนั้นจึงปลุกเสกน้ำมนต์ขึ้น เพื่อแจกจ่ายให้ดื่มกิน และอาบ หรือลูบไล้บริเวณ ที่เจ็บป่วย เป็นโรค หรือบาดแผล ครั้นเมื่อชาวบ้านได้แจกจ่ายแบ่งกันดื่ม กิน และ อาบ ก็ให้บังเกิดเป็นที่อัศจรรย์นัก เพราะ บรรดาโรคภัย ไข้เจ็บต่าง ๆ หายมลายสิ้นไปอย่างไม่น่าเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระธุดงค์ รูปนั้นจึงเป็นที่ร่ำลือ ชาวบ้านอำเภออื่น ๆ แห่แหนกันมาเพื่อ ขอน้ำมนต์วิเศษกันแทบตลอดทั้งวันและคืน พระธุดงค์ท่านย่อมบังเกิดความลำบากในการทำน้ำมนต์ และเสกเป่า จึงได้กล่าวแก่ชาว บ้านว่า " เอาละ ขอให้พวกโยมจงช่วยกันขุดดินตรงนี้ ให้เป็นหนองน้ำเข้าหนองหนึ่งเถิด " ด้วยความร่วมแรง ร่วมใจกันขุดดินบริเวณใกล้ ๆ กับที่ท่านปักกลดอยู่นั้น ไม่นานนักหนอง น้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ก็ ปรากฏขึ้น พระธุดงค์ จึงได้ปลุกเสกภาวนา คาถาอาคมต่าง ๆ แล้วจุดเทียนจำนวนหนึ่ง หยดลงไปใน น้ำเพื่อทำน้ำมนต์ จนในที่สุดหนองน้ำนั้นก็ได้กลายเป็นหนองน้ำมนต์โดยสมบูรณ์ ชาวบ้านได้ใช้น้ำในหนองนั้นอาบ กิน เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ความศักดิ์สิทธิ์และความวิเศษของพระธุดงค์รูปนี้ ได้แพร่กระจายไปทั่วในหลายบ้าน หลายตำบล ต่อมาพระธุดงค์ ได้อำลา บรรดาชาวบ้านเพื่อเดินทางมุ่งหน้าต่อไป ชาวบ้านจึงพากันเรียก หนองน้ำแห่งนั้นว่า " หนองน้ำมนต์ " ซึ่งกลายเป็น " หนองมน " มาจน ถึงปัจจุบันนี้.....
พอได้อ่านเรื่องราวข้างต้น รู้สึกคุ้นๆ ยังไงไม่รู้ จำได้แต่เพียงว่าตอนสมัย พ.ศ.2525 ตอนนั้นผมอายุประมาณ 8 ขวบ วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น มีหนองน้ำหนองหนึ่ง ขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ 300 เมตร ก็เป็นหนองน้ำธรรมดา เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและเป็นที่กระโดดน้ำสำหรับแก็งเด็กแถวบ้าน ปัจจุบันหนองน้ำแห่งนั้นไม่มีแล้ว เพราะทางการได้ถมเปลี่ยนเป็นถนนคอนกรีตแทน ปู่ย่าตายายก็ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าประวัติเป็นยังไง ด้วยความสงสัยจะลองกับไปคุยคนท้องถิ่นเก่าแก่ซักที ว่าเคยได้ยินเรื่องราวข้างต้นมาบ้างหรือไม่ หรือว่าจะเป็นนิทานที่เพื่อนผมแต่งขึ้นมาสมัยเด็กๆ ...ได้ความยังไงแล้วจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปก็แล้วกันนะครับ

ข้อคิด
1.การสื่อสารมีบทบาทสำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
2.เรื่องราวที่เผยแพร่ ไม่มีหลักฐานและเหตุผลเท่าที่ควร การขุดบ่อน้ำหยดเทียนปลุกเสก แล้วอาบ กิน เพื่อรักษาโรคที่ยาและหมอรักษาไม่หาย ดูจะเกินความเป็นจริง
3.โรคระบาดต่างๆ มักแพร่เชื้อจากน้ำและพืชหรือสัตว์นำโรค
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่มีเจตนาทำให้เรื่องราวต่างๆถูกแก้ไข แต่อยากถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟัง
บทความ:คนทะเล 24 ม.ค.2551

ไม่มีความคิดเห็น: